วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

บัว ตอน2


ในสัญลักษณ์ และความเชื่อ
บัวมีมาตั้งแต่ สมัยพุทธกาล ซึ่งมีตำนานกล่าวว่า หมอชีวกโกมารภัจจ์ ได้ปรุงยาจากดอกบัว ถวายแด่ องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า แก้อาการอ่อนเพลีย ถือว่าดอกบัวเป็น ดอกไม้ประจำศาสนาพุทธ ตามพุทธประวัติพบว่า บัวมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพาน เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเมื่อ ได้ทรงตรัสรู้แล้ว แต่เนื่องจากพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัวสี่เหล่า
คนไทยส่วนใหญ่มักจะใช้ดอกบัว ในการบูชาพระอยู่เสมอ แต่บัวที่เรานิยมปลูกไว้ภายในบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล คือ บัวหลวง บัวผัน บัวฝรั่ง บัวสาย และบัวกระด้ง
ความเชื่อในทางพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยโบราณว่า ดอกบัวก็เหมือนกับคนเรานี้เอง ดอกบัวที่ชูดอกพ้นจากผิวน้ำขึ้นมารับแสงสว่างได้นั้น ก็เหมือนกับ ผู้ที่หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง กลายเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ซึ่งถือเป็นความหมายอันลึกซึ้ง และเป็นมงคลยิ่งนัก
คนโบราณจึงมึความเชื่อว่า ครอบครัวใดที่ปลูกบัวเอาไว้ประจำบ้าน ก็จะช่วยให้คนครอบครัวนั้น มีจิตใจที่บริสุทธิ์ สะอาด และเบิกบานแจ่มใส เช่นเดียวกับดอกบัว และยังเชื่ออีกว่า สายใยของบัวที่ยืดยาวนั้น คือสายสัมพันธ์ของครอบครัว จะทำให้ทุกคนมีความห่วงใยรักใคร่ และผูกพันต่อกันอย่างแนบแน่น ครอบครัวนั้น ก็จะมีแต่ความสุข เพราะความรักใคร่ปรองดองของคนในครอบครัวทุกคน
ควรปลูกต้นบัวในวันพุธ เพราะวันพุธนั้น เหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้ที่ให้ดอกสวยงาม ต้นบัวที่ปลูกในวันพุธ จะทำให้บัวผลิดอกบานสะพรั่งงดงามไปทั่วทั้งสระ
ผู้ที่เหมาะที่จะปลูกบัวมากที่สุด คือ ผู้ที่เกิดปีจอ เพราะต้นบัวนั้น เป็นต้นไม้ประจำปีของคนเกิดปีจอ หากผู้ที่เกิดปีจอเป็นผู้ปลูก และมีผู้ที่เกิดปีเดียวกันอาศัยอยู่ภายในบ้าน ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าไม่มีผู้ที่เกิดปีจอ ก็ควรให้หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้ปลูกก็ได้

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

บัว


บัว

บัวเป็นพืชน้ำล้มลุก ลักษณะลำต้นมีทั้งที่เป็นเหง้า ไหล หรือหัว ใบเป็นใบเดี่ยวเจริญขึ้นจากลำต้น โดยมีก้านใบส่งขึ้นมาเจริญที่ใต้น้ำ ผิวน้ำหรือเหนือน้ำ รูปร่างของใบส่วนใหญ่กลมมีหลายแบบ บางชนิดมีก้านใบบัว
บัวเป็นราชินีแห่งไม้น้ำ จัดเป็นพันธุ์ไม้น้ำที่ถือเป็นสัญญลักษณ์ของคุณงามความดี บัวหลวงชอบขึ้นในน้ำจืดออกดอกตลอดปี ชอบน้ำสะอาด อยู่ในน้ำลึกพอสมควร ถิ่นกำเนิดของบัวอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จะเริ่มบานตั้งแต่ตอนเช้า ก้านดอกยาวมีหนามเหมือนก้านใบ ชูดอกเหนือน้ำ และชูสูงกว่าใบเล็กน้อย กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ สีขาวอมเขียวหรือสีเทาชมพู ร่วงง่าย กลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนหลายชั้น เกสรตัวผู้มีจำนวนหลายสี

บัวที่พบและนิยมปลูกในประเทศไทย มาจาก 3 สกุล คือ
บัวหลวง (lotus) เป็นบัวในสกุล Nelumbo มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า ปทุมชาติ หรือบัวหลวง
บัวผัน, บัว(กิน)สาย (waterlily) เป็นบัวในสกุล Nymphaea มีลำต้นใต้ดินเป็นหัว หรือเหง้า ใบและดอกเกิดจากตาหรือหน่อที่เจริญขึ้นมาที่ผิวน้ำด้วยก้านส่งใบและยอด
บัววิกตอเรีย (Victoria) เป็นบัวในสกุล Victoria มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า บัวกระด้ง จัดเป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
พ.ศ. 2551 ค้นพบสายพันธุ์บัวสายพันธุ์ใหม่ของโลกที่พิพิธภัณฑ์บัว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี ได้ตั้งชื่อว่า "ธัญกาฬ" และ "รินลอุบล


วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

โป๊ยเซียน




โป๊ยเซียน


ต้นไม้แห่งโชคลาภตามความเชื่อถือแต่โบราณ จัดเป็นไม้อวบน้ำอยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae ซึ่งเป็นวงศ์ใหญ่มาก พบได้ทั่วไปในประเทศเขตร้อน พืชในวงศ์นี้มีมากกว่า 300 สกุล โป๊ยเซียนจัดเป็นพืชที่อยู่ในสกุล Euphorbia ซึ่งพืชในสกุลนี้มีไม่ต่ำกว่า 2,500 ชนิด ได้แก่ คริสต์มาส สลัดได ส้มเช้า หญ้ายาง และ กระบองเพชรบางชนิด


โป๊ยเซียน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า มงกุฎหนาม (Crown of Thorns) เนื่องจากลักษณะของลำตันที่มีหนามอยู่รอบเหมือนมงกุฎ นอกจากนี้ยังมีชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น กรุงเทพฯ เรียก ไม้รับแขก เชียงใหม่ เรียก ไม้ระวิงระไว, พระเจ้ารอบโลก หรือ ว่านเข็มพระอินทร์ แม่ฮ่องสอน เรียก ว่านมุงเมือง แต่คนไทยคุ้นเคยและรู้จักกันในชื่อ โป๊ยเซียน มาช้านาน คำว่า โป๊ยเซียน เป็นคำในภาษาจีน แปลว่า เทพยดาผู้วิเศษ 8 องค์ ดังนั้นจึงมีความเชื่อกันว่าถ้าโป๊ยเซียนออกดอกครบ 8 ดอกในหนึ่งช่อจะนำความโชคดีให้แก่ผู้ปลูกเลี้ยง ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้สันนิษฐานว่าชาวจีนน่าจะเป็นผู้นำโป๊ยเซียนเข้ามาปลูกเลี้ยงในประเทศไทย ครั้งสมัยที่มีการติดต่อค้าขายกับคนไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งแต่เดิมนั้นดอกของโป๊ยเซียนจะมีขนาด 1-2 ซม. เท่านั้น แต่ในปัจจุบันคนไทยได้ผสมพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์โป๊ยเซียนจนมีขนาดดอกใหญ่กว่า 6 ซม. นอกจากนี้ดอกยังมีสีสันที่สวยงาม จนอาจกล่าวได้ว่าโป๊ยเซียนไทยดีที่สุดในโลก


วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทรงบาดาล


ทรงบาดาล

ทรงบาดาลเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 5-10 เมตร ทรงพุ่มมีการแตกกิ่งก้านสาขามากและแน่นทึบ ใบเป็นใบรวมออกเป็นแผงบนก้านใบ แผงใบยาวประมาณ 5-7 เซนติเมตร ใบเรียบอยู่บนแผงเป็นคู่มีประมาณ 8-12 ใบ ออกดอกเป็นช่อตามส่วนยอดของลำต้น มีกลีบดอก 5 กลีบ ดอกมีสีเหลือง ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร ผลเป็นฝักแบน ๆ ออกเป็นช่อ ฝักเป็นคลื่น

ทรงบาดาลหรือต้นขี้เหล็กหวานนั้น เป็นต้นไม้ที่เรามักจะพบเห็นกันโดยทั่วไป ตามอาคารบ้านเรือน สวนสาธารณะต่างๆ ต้นทรงบาดาลนั้นจะผลิดอกสีเหลืองบานสะพรั่งตลอดปี จนทั่วทั้งต้นกลายเป็นสีเหลืองเรืองรอง ราวกับทองคำเปล่งประกายเลยทีเดียว ทรงบาดาลคือผู้เป็นใหญ่แห่งนาคพิภพ ในชั้นบาดาล หรือผู้เป็นใหญ่ในโลกบาดาลนั่นเอง บางคนกล่าวว่า ทรงบาดาลหรือทรงบันดาลนั้น คือ พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ และมั่นคงที่เป็นใหญ่ได้บันดาลให้เกิดขึ้น ดังนั้น

คนโบราณจึงเชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกต้นไม้ชนิดนี้ไว้ภายในบริเวณบ้าน ก็จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในชื่อเสียง และฐานะมีอำนาจยิ่งใหญ่ เกรียงไกรและกว้างขวาง เป็นที่รู้จัก และได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วไป นอกจากนั้น ยังเชื่ออีกว่า ต้นทรงบาดาลจะช่วยให้ครอบครัวนั้นร่ำรวยเงินทอง เพราะประกายทองสุกใสของดอก จะช่วยเพิ่มโชคลาภทรัพย์สินให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น

และยังมีความเชื่ออีกว่าจะทำให้มีทองมาก เพราะดอกทรงบาดาลสามารถออกดอกตลอดปี ลักษณะดอกขณะบานมีสีเหลือง เรืองรองดั่งทองอำไพ

เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นทรงบาดาลไว้ทางทิศตะวันตก ผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

ธรรมรักษา


ธรรมรักษา
ลักษณะทั่วไป ธรรมรักษาเป็นพรรณไม้ล้มลุก อวบน้ำ มีลำต้นใต้ดิน เรียกว่า เหง้า ลักษณะคล้ายกับกล้วย ลำต้นมีความสูงประมาณ 1 - 2 เมตร การเจริญเติบโตจะแตกหน่อออกมาเป็นกอ ใบเรียงตัวสลับกัน ลักษณะของใบคล้ายใบกล้วยหรือพุทธรักษา มีสีเขียว ผิวเรียบเป็นมัน ขนาดของใบขึ้นกับชนิดของพันธุ์ ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น ลักษณะช่อดอกตั้งและห้อยลง แล้วแต่ชนิดพันธุ์ ในแต่ละช่อดอกมี 4 - 8 ดอก ดอกมีสีส้ม สีแดง เหลือง และชมพู ผลคือส่วนของดอกเมื่อแก่ก็จะกลายเป็นเมล็ด
การเป็นมงคล คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นธรรมรักษาไว้ประจำบ้าน จะช่วยคุ้มครองและรักษา ให้เกิดความสงบสุขแก่บ้านและผู้อาศัย เพราะธรรมรักษาเป็นไม้มงคลนาม นอกจากนี้ยังได้นำดอกของธรรมรักษา มาประกอบในพิธีบูชาพระได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะ ธรรมรักษา หรือ ธรรมะ คือการักษาในสิ่งที่ดีงาม มีคุณธรรมซึ่งควรเคารพและบูชา ดังนั้นจึงเชื่อว่า การรักษาธรรมะ หรือ ธรรมรักษา คือ การช่วยคุ้มครองรักษานั่นเอง
ตำแหน่งที่ปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัยควรปลูกต้นธรรมรักษาไว้ทางทิศใต้หรือทางทิศตะวันออกก็ได้ ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทางดอกให้ปลูกในวันพุธ
การปลูก วิธีที่นิยมปลูกมี 2 วิธี คือ
1. การปลูกในแปลงปลูก ทำกัน 2 แบบคือ
การปลูกในแปลงใหญ่หรือปลูกในสวนคือปลูกเป็นจำนวนมากใช้ขนาดแปลงกว้างประมาณ12เมตรโดยยกคันดินเป็นร่องคล้ายกับแปลงปลูกผัก ขนาดหลุมปลูกประมาณ 30 x 30 x30เซนติเมตรระยะปลูกประมาณ12เมตร การเตรียมดินโดยการไถพรวนดินแล้วผสมปุ๋ยอินทรีย์ลงไป อัตราประมาณ 30 - 50กิโลกรัม/แปลงในขนาดแปลงปลูกประมาณ 2 x 30 เมตร
และการปลูกในแปลงปลูกขนาดเล็ก ที่มีจำนวนพื้นที่จำกัด เช่น การปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านหรือสวน ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:ดินร่วนอัตรา1:1ผสมดินปลูกแต่ถ้าจะให้สวยงามควรปลูกเป็นกลุ่มเพราะจะได้เห็นความสวยงามของดอกได้เด่นชัดขึ้น
2. การปลูกในกระถางเพื่อใช้ประดับอาคารบ้านเรือน นิยมใช้เป็นดอกประดับภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางสูงขนาด 10 - 16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก : แกลบผุ : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถาง 12ปี/ครั้งเพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไปและเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่แทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
การดูแลรักษา
ธรรมรักษา ต้องการแสงแดดร่ม รำไร จนถึงแดดจัด หรือกลางแจ้งและต้องการปริมาณน้ำปานกลางจนถึงมาก ควรให้น้ำ 3 - 5 วัน / ครั้ง ควรปลูก ดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย ควร ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 กิโลกรัม/กอ ใส่ปีละ 4-6 ครั้ง
การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด การแยกกอ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ วิธีที่นิยมและได้ผลดีคือ การแยกกอ
ธรรมรักษาที่ปลูกเป็นการค้าส่วนใหญ่จะเป็นไม้กลางแจ้งมีความต้องการแสง 100% เพราะว่าจะมีผลต่อการออกดอกและสีของดอก

ออมเงินออมทอง


ออมเงินออมทอง
เป็นพรรณไม้เลื้อยมีลำต้นเป็นเถาซึ่งมีรากยึดเกาะกับวัสดุอื่นๆเช่นไม้หลักไม้ยืนต้นลำต้นมีข้อและแตกรากออก มาจากข้อลำต้นมีสีเขียวผิวลำต้นเรียบใบเป็นใบเดี่ยวออกตามข้อมีก้านใบยาวประมาณ10-15เซนติเมตรใบกลมมนโคนใบเว้าลึก ทำให้เกิดหูใบทั้งสองข้าง ปลายใบเรียวแหลมกลางใบสังเกตุเห็นได้ชัด ผิวใบตรงกลางเป็นสีขาวหรือเหลืองแล้วมีสีเขียวล้อมรอบ ลักษณะใบคล้ายกับเงินไหลมา แต่จะต่างกันที่ใบ คือ ใบจะไม่เป็นแฉกลึกเหมือนกับเงินไหลมา
ออมเงินออมทอง เป็นไม้มงคล ต้นออมเงิน ออมทองนี้ เป็นต้นไม้ที่เหมาะสำหรับปลูก ไว้ภายในบ้าน ต้นไม้ชนิดนี้นั้น มีชื่อที่เป็นมงคล คนโบราณเชื่อว่า หากปลูกต้นออมเงิน ออมทอง เอาไว้ในบริเวณบ้าน ก็จะทำให้สมาชิกภายในบ้าน รู้จักการใช้กินอย่างประหยัด จึงมีเงินทองเก็บออมเอาไว้มากมาย สามารถเก็บเงินได้อยู่ และเงินทองก็ไม่รั่วไหลอีกด้วย
ลักษณะทั่วไปออมเงินออมทองเป็นพรรณไม้เลื้อยมีลำต้นเป็นเถาซึ่งมีรากยึดเกาะกับวัสดุอื่นๆเช่นไม้หลักไม้ยืนต้นลำต้นมีข้อและแตกรากออกมาจากข้อลำต้นมีสีเขียวผิวลำต้นเรียบใบเป็นใบเดี่ยวออกตามข้อมีก้านใบยาวประมาณ10-15เซนติเมตรใบกลมมนโคนใบเว้าลึกทำให้เกิดหูใบทั้งสองข้าง ปลายใบเรียวแหลมกลางใบสังเกตุเห็นได้ชัด ผิวใบตรงกลางเป็นสีขาวหรือเหลืองแล้วมีสีเขียวล้อมรอบ ลักษณะใบคล้ายกับเงินไหลมา แต่จะต่างกันที่ใบ คือ ใบจะไม่เป็นแฉกลึกเหมือนกับเงินไหลมา
ตำแหน่งที่ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นออมเงิน ออมทอง ไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร
การปลูกจึงจะได้ต้นไม้ที่สมบูรณ์แข็งแรง มีใบสีสวยไว้ให้เชยชม และเสริมโชคชะตา
การขยายพันธุ์ ขยายพันธุ์โดยการปักชำ ประโยชน์ ออมเงิน ออมทองชอบที่ร่มมีแสงสว่างเข้าถึง ความชื้นในอากาศสูง เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ประดับ กระถางหรือปลูกเป็นแปลงใหญ่คลุมดินในที่ร่ม ถ้าเป็นไม้กระถางปลูกให้เลื้อยพันหลักจะดูสวยงามมาก
การปลูกแบ่งเป็น 2 วิธี
1.การปลูกในกระถางเพื่อใช้ประดับภายในและภายนอกอาคารใช้กระถางทรงสูงขนาด814นิ้วใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:ขุยมะพร้าว:ดิน ร่วนอัตรา1:1:1ผสมดินปลูกและควรใช้ไม้หลักที่หุ้มด้วยกาบมะพร้าวปักไว้ตรงกลางกระถางด้วยเพื่อให้ลำต้นยึดเกาะหรือเลื้อยการ เปลี่ยนกระถางควรเปลี่ยน1-2ปี/ครั้งหรือแล้วแต่ความเหมาะสมของทรงพุ่มเพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไปและเพื่อการ เปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
2. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน การปลูกแบบนี้ควรทำร้านหรือซุ้ม เพื่อให้ลำต้นเลื้อยขึ้นไป ขนาดหลุมปลูก 20 x 20 x 20 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูกถ้าจะไม่ให้เลื้อยควรตัดแต่งเถาหรือยอดให้สั้น นิยมปลูกเป็นกลุ่มเพื่อตกแต่งสวน

วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

เงินไหลมา


เงินไหลมา

ลักษณะทั่วไป
เงินไหลมาเป็นพรรณไม้เลื้อยที่มีเถายาว ลำต้นมีความยาวประมาณ 10-20 เมตร มีลำต้นกลมสีเขียว ผิดลำต้นเกลี้ยงเป็นข้อห่าง ๆ และมีรากออกตามข้อลำต้นแต่ละข้อจะมีกาบใบหุ้มอยู่ใบเดียวออกตามข้อสลับกันซึ่งมีก้านใบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใบเป็นแฉกประมาณ 5 แฉก ขนาดใบกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใบเป็นแฉกลึกเข้าหาโคนใบ ส่วนปลายใบเรียวแหลม พื้นใบมีสีเขียว และมีสีเหลืองปนอยู่ที่บริเวณลยเส้นใบเล็กน้อยถ้ามีอายุมากจะออกดอกตรงส่วนยอดลักษณะดอกคล้ายกับดอกของบอน
การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นเงินไหลมาไว้ประจำบ้าน จะทำให้เกิดความร่ำรวย เพราะเงินไหลมาเป็นไม้มงคลนาม สามารถทำให้เงินทองไหลมาสู่บ้านและผู้อาศัย จึงทำให้เกิดความมั่งมี และยังมีความเชื่ออีกว่าต้นเงินไหลมายังช่วยสร้างความเป็นเสน่ห์แก่บ้านและผู้อาศัย เพราะลักษณะใบของต้นเงินไหลมามี สีสรร สวยงาม สีกลางใบคล้ายสีเงิน
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นเงินไหลมาไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาคุณทางใบให้ปลูกในวันอังคาร
การปลูก มี 2 วิธี
1. การปลูกในกระถางเพื่อใช้ประดับภายในและภายนอกอาคาร ใช้กระถางทรงสูง ขนาด 10-16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก : แกลบ : ขุยมะพร้าว : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 : 1 : 1 ผสมดินปลูก เมื่อปลูกแล้วให้ใช้ไม้หลักปักไว้ตรงกลางกระถางเพื่อเป็นที่ยึดเกาะของราก และควรเป็นไม้หลักที่หุ้มด้วยกาบมะพร้าวจะเหมาะสมอย่างยิ่งหลังจากนั้นควรจัดแต่งทรงพุ่มและให้ปุ๋ยสม่ำเสมอและควรเปลี่ยน กระถาง เมื่อมีอายุประมาณ 2-3 ปี เพราะการขยายของรากอัดกันแน่นเกินไป ภายในกระถางหรือตามความเหมาะสมของทรงพุ่ม 2. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ถ้าปลูกในแปลงปลูกมักปลูกตามบริเวณรอบโคนไม้อื่น หรือทำร้านเพื่อให้รากยึดเกาะ และเลื่อยขึ้นได้ การเตรียมดินปลูกเหมือนกับปลูกพันธุ์ไม้อื่น ๆ ทั่วไป ขนาดหลุมปลูกประมาณ 20 x 20 x 20 เซนติเมตรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:ดินร่วนอัตรา1;1ผสมดินปลูกถ้าปลูกเป็นกลุ่มเพื่อตกแต่งบริเวณสวนต้องทำให้ พุ่มเตี้ย ควรตัดยอดออกบ้างพอเหมาะสม หรือให้เลื้อยไปตามพื้นดินก็ได้
การดูแลรักษา
แสง ต้องการแสงแดดรำไร หรือในร่ม น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้งดิน ดินร่วนซุย ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 300-500 กรัม/ต้น ใส่ 1-2 เดือน / ครั้งการขยายพันธ์ การปักชำโรคและแมลง ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและศัตรู เพราะเป็นพันธุ์ไม้ที่สามารถทนต่อสภาพธรรมชาติได้ดี